ไพ่เสือมังกร Pussy888 แนะนำเทคนิคและวิธีการเล่น
ไพ่เสือมังกร ( Dragon Tiger )เป็นเกมที่เราจะมาแนะนำเทคนิคการเล่น ซึ่งเป็นหนึ่งในเกมคาสิโนสด หรือ เกมคาสิโนถ่ายทอดสด ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ บอกเลยว่าต้องลองของ pussy888 เพราะเป็นเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์น้องใหม่ ที่มาแรงเป็นอย่างมาก ด้วยความเสถียร ของเครือข่ายที่ดีที่สุด ท่านสามารถเล่นเกมได้แบบไม่มีสะดุด มีความโดดเด่นด้วยการแสดงผลแบบ 3 มิติ ที่มาพร้อมภาพสวยคมชัด กับดีลเลอร์สาวสวยสุดเซ็กซี่ ที่ให้คุณสามารถเลือกห้องเล่นได้อีกด้วย เรารับประกันความตื่นเต้น เร้าใจที่ท่านจะได้จากแอพสคาสิโนออนไลน์ตัวนี้ บอกเลยว่าต้องเป็นที่ถูกอกถูกใจ ของเหล่าเซียนคาสิโนออนไลน์อย่างแน่นอน อีกทั้งยังได้การรองรับจากองค์กรคาสิโนระดับโลก ที่ให้การยอมรับจึงทำให้ผู้เล่นมั่นใจ และเชื่อใจได้อย่างแน่นอน และเราก็จะมาแนะนำ เทคนิคการเล่น ให้กับทุกท่าน เพื่อเป็นแนวทางในการเล่น และเพิ่มโอกาสในการชนะให้กับทุกท่าน หากอยากได้ทำไรงามๆ ท่านต้องค้นหากสูตร เทคนิคการเล่นที่เหมาะกับตัวท่านเอง
ในเกมนี้ถือว่าได้รับความนิยม จากผู้เล่นทุกท่าน และเหล่าเซียนพนันออนไลน์ทั้งหลายเป็นอย่างมาก เพราะมีรูปแบบการพนันที่เล่นได้ง่าย เข้าใจได้ง่าย ได้เงินมาก หากชนะ ทำให้ผู้เล่นต่างติดใจในจุดนี้เป็นอย่างมาก จึงทำให้แอพเกมคาสิโนออนไลน์หลายๆ ค่ายได้เปิดให้ใช้บริการเกมนี้ กันเกือบทุกค่ายเลยทีเดียวก็ว่าได้ เพราะใครที่เป็นเซียนไพ่ต่างพากันชื่นชอบ และเกมนี้จะใช้จำนวนไพ่ถึง 6-8 สำรับ ในการเดิมพันเลยทีเดียว การเดิมพันก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ให้ทายผลของไพ่ 2 ใบ ระหว่างเสือกับมังกรเพียงแค่นั้นเอง
เทคนิคการแทง ไพ่เสือมังกร
เทคนิคการแทงเกมนี้นั้น การนับแต้มก็ง่ายๆ คือ ไพ่ที่แต้มต่ำสุด 2 3 4 5 6 7 8 9 10 J Q ตามลำดับ และ K คือไพ่สูงสุดนั้นเอง การเดิมพันเมื่อไหร่ก็ตาม ที่ได้ไพ่เสมอ เจ้ามือจะได้กิน 50% แต่ถ้าหากว่าเราเป็นคนเดิมพัน เราจะได้เงินเดิมพัน เพิ่มขึ้นเป็น 8 เท่า นั้นเอง แต่เปอร์เซ็นที่จะได้นั้นน้อยมาก ตีเป็น 3.73% เพียงแค่นั้นเอง อาจจะน้อยไปบ้าง แต่ได้ทีก็ถือว่าคุ้มมากอยู่เหมือนกัน เทคนิคการเล่นก็ไม่ได้ยาก เพียงแค่มีทุนเพียงเล็กน้อย กับการสังเกตลักษณะของการออกไพ่ดีๆ เพียงเท่านี้ก็น่าจะทำให้ท่านทำเงินได้พอควรแล้ว อธิบายการนับแต้มได้ง่ายๆ ดังนี้
การนับแต้ม รายละเอียดการนับแต้ม จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันกับบาคาร่า ที่แตกต่างกันคือ เกมนี้จะแจกไพ่ฝ่ายละ 1 ใบ เท่านั้น คือ ไพ่ A เท่ากับ 1 แต้ม ไพ่ 2 – 10 แต้มจะตามตัวเลขหน้าไพ่เลย ไพ่ J เท่ากับ 11 แต้ม ไพ่ Q เท่ากับ 12 แต้ม และ ไพ่ K เท่ากับ 13 แต้ม
อัตราการจ่ายรางวัล หากวางเดิมพันเสือแล้วชนะ จะจ่าย 1 เท่า ของยอดแทง วางเดิมพันมังกรแล้วชนะ จะจ่าย 1 เท่า ของยอดแทง และหากวางเดิมพันเสมอ Tie จะจ่าย 8 เท่า ของยอดแทง
หากผู้เล่นที่เลือกวางเดิมพันฝั่งไพ่เสือ และฝั่งไพ่มังกร ผู้เล่นทั้งหมดจะได้เงินที่วางเดิมพันคืน 50% และเจ้ามือ (Banker) ก็ได้เช่นกัน 50%
ขั้นตอนการเล่น
- วางเงินเดิมพันในฝั่งที่เลือกเดิมพัน สามารถวางเดิมพันได้ตั้งแต่ 50 บาท ถึง 2,500 บาท
- ลงเงินลงในช่องที่เราเลือก ได้แก่ “เสือ” “มังกร” และ “เสมอ” และยังสามารถลงเดมพันได้มากกว่าหนึ่งช่อง หลังจากนั้นให้กดคำว่า “ยืนยัน”
- ดีลเลอร์จะทำการเปิดไพ่ โดยฝั่งซ้ายมือของเรา คือ ตำแหน่งของ “ไพ่เสือ” และขวามือของเรา คือตำแหน่ง “ไพ่มังกร” โดยจะแสดงแต้มของไพ่ที่หน้าจอมุมขวาสุด ฝั่งไหนมีแต้มเยอะสุด ฝั่งนั้นก็เป็นฝั่งชนะ
- หลังจากเกมตาที่ 50 เป็นต้นไป ไม่สามารถลงช่อง “คู่” “คี่” “แดง” “ดำ” ได้
สูตรการแทงทำเงิน
การวางเดิมพันในเกมนี้นั้นก็ง่ายๆ เพียงแค่เดิมพันว่าจะออก เสือ มังกร หรือออกเสมอ เพียงเท่านั้นอย่างแรกเลย เราควรสังเกตแต้มที่ผลการเดิมพันออกมาชนะก่อนหน้านี้ ว่าออกมาอย่างไรบ้าง จะเป็นตัวช่วยให้เราวิเคราะห์ ได้โดยง่ายๆ เราก็มีสูตรการแทง 2 สูตรด้วยกันที่จะมาแนะนำ ถ้าผลการเดิมพันออกแบบปิงปอง คือการออกเสือ หรือมังกร สลับกันไปมา ผลการเดิมพันไม่ออกซ้ำกันเกิน 1-2 ตา เป็นต้น หรือเกมนั้นๆ ผลการเดิมพันออกแบบมังกร คือการที่ผลการเดิมพันออกเสือ หรือออกมังกรแบบยาวๆ ออกติดต่อกันยาวๆ แต่น่าออกติดต่อกันจะไม่เกิน 5-6 ตา เป็นต้น แล้วก็ให้ผู้เล่นมาสังเกตดูว่า เราจะลงอะไรในตาต่อไปนั้นเอง หากเล่นได้เยอะแล้ว ก็ลองเปลี่ยนห้องถือ ว่าเป็นการแก้เคล็ดดูบ้างก็ดีเช่นกันค่ะ
ข้อดี
- มีอัตราการจ่ายเงินรางวัลค่อนข้างเยอะ และยุติธรรม
- มีหน้าเมนูที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
- มีการแพ้ชนะที่รวดเร็ว เหมาะกับผู้ที่ชอบความรวดเร็วของเกมพนัน
ข้อเสีย
- มีความเสี่ยงเยอะ เนื่องจากเป็นเกมพนันที่ไว ถ้าดวงไม่ดีก็เสียไวเช่นกัน
- ไพ่ใบเดียว ลุ้นน้อย เรียกไพ่เพิ่มไม่ได้ จะไม่เหมาะกับคนที่ชอบลุ้นไพ่ยาวๆ
- ตัวเลือกในการเล่นค่อนข้างน้อย มีแค่ 3 ตัวเลือก